วันพุธที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2552

เทคนิคถ่ายภาพอินฟราเรดสี





ภาพถ่ายสถานที่ที่สีสันดูแปลกๆ ใบไม้ขาวโพลนฟุ้งๆสนามหญ้าเขียวๆ ก็ขาวโพลนเหมือนมีหิมะปกคลุม นี่แหละที่เรียกกันว่า
ภาพอินฟาเรดสี การถ่ายภาพอินฟราเรดที่ผมจะกล่าวต่อไปนี้ต่างจากการถ่ายภาพแบบทั่วๆ ไป เพราะเป็นการถ่ายภาพคลื่นแสงที่อยู่ในช่วงใกล้อินฟราเรด (Near Infrared) หากแยกคลื่นแสงออกมาเป็นสีรุ้ง คลื่นแสงอินฟราเรดก็อยู่เลยขอบแสงสีแดงที่อยู่ริมสุดออกไปหน่อยนึง มองด้วยตาเปล่าคงไม่เห็น แต่เราสามารถบันทึกคลื่นแสงช่วงนี้ได้และนี่เป็นที่มาของการถ่ายภาพอินฟราเรดครับ
แต่ก่อนนี้การถ่ายภาพอินฟราเรดด้วยฟิล์มขาวดำและฟิล์มสีเป็นเรื่องยาก เพราะจะต้องใช้ฟิล์มที่ผลิตขึ้นมาเฉพาะ หาซื้อยาก ฟิล์มอินฟราเรดที่ว่านี้มีความไวแสงอย่างมาก การบรรจุฟิล์มจะต้องทำในถุงดำหรือที่มืดสนิท เมื่อถ่ายเสร็จแล้วก็ต้องระวังในการเก็บฟิล์มเข้ากลักก่อนที่จะเอาไปล้าง ต้องทำในที่มืดสนิทเช่นกันไม่ให้โดนแสงเด็ดขาด หาคนล้างฟิล์มก็ยาก นอกจากจะล้างฟิล์มเอง ความยุ่งยากของการถ่ายก็มีมาก ดังนั้นการถ่ายภาพอินฟราเรดแต่ก่อนจึงจำกัดอยู่เฉพาะกลุ่มช่างภาพที่สนใจจริงๆ เท่านั้น
เมื่อโลกเข้าสู่ยุคดิจิตอล มีการเผยแพร่รูปถ่ายอินฟราเรดที่ถ่ายด้วยกล้องดิจิตอลแบบคอมแพคกันแพร่หลาย ด้วยวิธีการถ่ายแบบง่ายๆ คือสวมฟิลเตอร์อินฟราเรดไว้ที่หน้าเลนส์ ตัดปัญหายุ่งยากที่เกิดสมัยใช้กล้องฟิล์มจนหมด เราจึงได้เห็นผลงานภาพถ่ายอินฟราเรดที่ถ่ายด้วยช่างภาพหน้าใหม่ๆ ทั้งมือสมัครเล่นและมืออาชีพตั้งแต่นั้นมา
ฟิลเตอร์อินฟราเรดที่นิยมในบ้านเราก็จะมี Hoya R72 จะมีสีแดงเข้มจนเหมือนดำสนิท เมื่อสวมใส่ที่หน้าเลนส์ถ้าหากเป็นกล้องดิจิตอลคอมแพคเวลาจะถ่ายสามารถดูภาพผ่านจอ LCD ได้เลยยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่แต่หากใช้กับกล้องดิจิตอล SLR เมื่อมองภาพผ่าน View Finder จะมืดดำ ดังนั้นจึงต้องโฟกัสภาพและจัดองค์ประกอบภาพให้เสร็จสรรพก่อนจะสวมฟิลเตอร์แล้วค่อยวัดแสงกดชัตเตอร์ถ่ายภาพ
ฟิลเตอร์อินฟราเรดแบบนี้จริงๆ แล้วคือ IR Pass Filter คือมันจะกันคลื่นแสงช่วงอื่นๆ และปล่อยให้คลื่นแสงช่วงใกล้อินฟราเรดผ่าน จะมากน้อยแค่ไหนก็อยู่ที่ชนิดของฟิลเตอร์ ยิ่งตัวเลขมากก็ยิ่งมืดมาก Hoya R72 มีจุดตัดที่ 720 นาโนเมตร ที่ไม่มากเกินไป เหมาะกับกล้องดิจิตอลส่วนใหญ่ฟิลเตอร์ดำมืดแบบนี้ย่อมเสียแสงเป็นธรรมดา จะเสียแสงมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับกล้องดิจิตอลรุ่นนั้นๆ ว่าจะมีตัวสกัดกั้นคลื่นแสงอินฟราเรดดีแค่ไหน เพราะในกล้องดิจิตอลแล้วคลื่นแสงอินฟราเรดที่มีอยู่ทั่วไปแต่ตาเรามองไม่เห็นนี้เป็นตัวลดคุณภาพของภาพถ่าย (แบบปกติ) จึงมีการติดตั้งฟิลเตอร์สกัดกั้นคลื่นแสงอินฟราเรดไว้หน้า CCD หรือ Cmos ยิ่งกล้องรุ่นใหม่ๆ การสกัดกั้นคลื่นแสงอินฟราเรดยิ่งทำได้ดี การถ่ายภาพอินฟราเรดยิ่งเสียแสงและได้ผลที่ดูไม่ดีเข้าไปอีก
แต่ด้วยโลกดิจิตอลและเทคโนโลยีก้าวเข้ามา มีผู้แกะเจ้าฟิลเตอร์สกัดกั้นคลื่นแสงอินฟราเรดที่หน้า CCD ออก แล้วจัดแจงใส่ฟิลเตอร์ที่ยอมให้คลื่นแสงอินฟราเรดผ่าน (IR Pass Filter) เข้าไปแทนที่ผลลัพธ์ก็คือเราสามารถถ่ายภาพแบบอินฟราเรดโดยเสียแสงน้อยมาก เซย์กู๊ดบายกับขาตั้งกล้องไปได้เลย จากที่ต้องใช้เวลา 2-4 วินาทีถ่ายกลางแดด เราก็สามารถใช้มือถือถ่ายด้วยสปีดเกือบเท่ากล้องปกติ การได้ภาพก็ยิ่งง่ายขึ้น เพราะการที่ต้องใช้สปีดนานๆ ในการถ่ายภาพทำให้มีอุปสรรคมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแรงลมที่ทำให้ใบไม้ไหวๆ ภาพขาดความคมชัดหรือกังวลกับคนที่เดินผ่านหน้ากล้อง แถมยังต้องใช้ขาตั้งกล้องถ่ายเป็นจุดเด่นให้คนมองอีก
อย่างไรก็ตามการดัดแปลงกล้องให้สามารถถ่ายอินฟราเรดลักษณะนี้ได้ ลองเข้าไปดูที่เว็บ www.lifepixel.com
ส่วนวิธีการถ่ายมีคราวๆดังนี้
การถ่ายภาพอินฟราเรดกับการโดนแสงแดดเป็นของคู่กันครับ เพราะเมื่อแดดออกจะมีการสะท้อนแสงอินฟราเรดออกมาจากวัตถุหรือใบไม้เขียวๆ พวกต้นไม้สนามหญ้าเขียวๆ จะกลายเป็นสีขาว การถ่ายภาพอินฟราเรดถ้าจะให้สวยควรจะมีต้นไม้ใบเขียวๆ แจมไว้ในภาพด้วย จึงจะเห็นเอฟเฟคท์ของอินฟราเรดได้ชัดเจน และควรถ่ายไปตามทิศทางที่แสงส่อง อย่าถ่ายย้อนแสง ภาพแนวสถาปัตยกรรมแบบเมืองโบราณควรรอช่วงแดดแรงๆ จะทำให้ภาพถ่ายที่ได้มีความเปรียบต่างสูง เห็นแสงเงาชัดเจนทำให้ภาพถ่ายน่าดูขึ้น รักจะถ่ายอินฟราเรดก็ต้องไม่กลัวแดดครับ แต่ก็สามารถหาจุดยืนถ่ายในที่ร่มหรือร่มเงาไม้ไว้หลบแดดถ้าพอจะมี หรือสวมหมวกใส่เสื้อแขนยาว ทาครีมกันแดดก็พอจะช่วยบรรเทาอาการตัวดำได้
การวัดแสงเพื่อถ่ายภาพอินฟราเรด ถ้ากล้องมีระบบวัดแสงเฉพาะจุดหรือเฉพาะส่วน ให้วัดแสงที่ใบไม้เขียวๆ ชดเชยแสงบวก 1-1.5 สต๊อป เพราะใบไม้เขียวๆ จะกลายเป็นสีขาวเมื่อถ่ายอินฟราเรด จะใช้ระบบเฉลี่ยหนักกลางก็ได้นะครับ ถ่ายไปแล้วพรีวิวดู Histrogram ภาพมืดหรือสว่างไปก็ปรับค่าแก้ไขซะทันที ควรถ่ายภาพให้ได้ค่าแสงที่พอดีเพราะจะเกี่ยวข้องกับการปรับสีซึ่งผมจะกล่าวต่อไป
การปรับ White Balance ถ้าต้องการให้ภาพอินฟราเรดออกมาโทนไหนก็เลือกได้ตามใจชอบ แต่ถ้าต้องการมาปรับสีแบบภาพที่ลงไว้นี้ขอแนะนำให้ปรับ White Balance แบบ Custom เลือกวัดแสงไปที่ใบไม้เขียวๆ กลางแดด แล้วเซ็ทเป็นค่า Custom White Balance
เรื่องของจุดโฟกัสเป็นอีกเรื่องที่จะขอบอกกล่าว ปกติถ้าถ่ายด้วยกล้องดิจิตอลที่ไม่ได้ดัดแปลงแต่สวมฟิลเตอร์อินฟราเรดไว้ที่หน้าเลนส์ จุดโฟกัสของอินฟราเรดจะไม่ตรงกับตำแหน่งของกล้องที่ถ่ายแบบปกติ มันจะเขยิบใกล้เข้ามาเล็กน้อย เลนส์รุ่นเก่าๆ จะมีมาร์คจุดอินฟราเรดไว้บนตัวเลนส์ซึ่งคงไม่มีปัญหา แต่ถ้าเป็นเลนส์รุ่นใหม่ที่ไม่มีมาร์คจุดไว้ ให้ปรับโฟกัสแบบปกติเมื่อได้ที่แล้วให้หมุนแหวนปรับโฟกัสขยับเข้ามาใกล้อีกเล็กน้อย (ห่างจากจุดอินฟินิตี้) ถ้าจะให้ดีควรถ่ายด้วยรูรับแสงแคบๆ ประมาณ f8 ขึ้นไป ย้ำอีกครั้งเรื่องที่บอกมานี้เป็นเรื่องของการถ่ายอินฟราเรดด้วยการสวมฟิลเตอร์อินฟราเรดไว้หน้าเลนส์กล้องที่ยังไม่ได้ดัดแปลงนะครับ แต่ปัญหาที่กล่าวมานี้ไม่มีผลกับกล้องที่ดัดแปลงถ่ายอินฟราเรดอย่างถูกวิธี เพราะช่างจะเซ็ทจุดโฟกัสมาให้เรียบร้อยแล้ว
เมื่อถ่ายภาพมาแล้วภาพที่ได้ส่วนใหญ่จะเป็นสีแดง โทนสีแตกต่างไปตาม White Balance ที่เราตั้งไว้ ยกเว้นเมื่อตั้ง White Balance ไว้ที่ Custom แบบที่กล่าวมาแล้ว จะได้ภาพถ่ายคล้ายๆ ขาวดำอมเหลือง ถ้าคุณถ่ายภาพด้วย Raw File ค่า White Balance สามารถปรับแก้ทีหลังได้ แต่ถ้าถ่ายมาเป็น JPG จะแก้ไขได้ยาก คุณสามารถนำภาพถ่ายที่ได้มาไปใช้งานได้เลยถ้าพึงพอใจในสีแดงๆ แบบนั้น หรือแปลงภาพสีเป็นขาวดำด้วยโปรแกรมตกแต่งภาพก็แล้วแต่จะชื่นชอบ



ขอบคุณความรู้ดีๆและรูปอินฟราเรดสีสวยๆจาก นิตยสาร camera art จ้า วันหลังถ้ามีเทคนิคอะไรใหม่ๆดีๆจะมาบอกต่อ จ้า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น